ทรัมป์วิจารณ์เฟดเรียกร้องลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่โครงการการเงินดิจิทัลยังไม่ฟื้นตัว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าววิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ อย่างรุนแรงในสัปดาห์นี้ โดยเขาได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ให้ต่ำลง ขณะเดียวกันก็มีการสนับสนุนจากตัวแทนโธมัส แมสซี่ (Thomas Massie) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐเคนตักกี้ ที่ได้ยกประเด็นเกี่ยวกับอิทธิพลที่ลดน้อยลงของธนาคารกลางในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความขัดแย้งเหล่านี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่ต้องการให้มีการพิจารณานโยบายทางการเงินใหม่ในสหรัฐฯ

โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายปี ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยถูกปรับขึ้นเป็น 5.25% ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ติดอันดับที่ 35 ของโลกในด้านอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หลายประเทศมีนโยบายที่เอื้อให้มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลงกว่า สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและธุรกิจเล็กๆ ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงในขณะที่หนี้สินยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง โดยระบุว่า “เราต้องทำให้การกู้ยืมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นเพื่อต่อยอดการเติบโตทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักนี้จะทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้” เขาได้ชี้ให้เห็นว่าความเร็วมาตรการดังกล่าวไม่เพียงจะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน ตัวแทนแมสซี่ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลาง โดยเขากล่าวว่า “ธนาคารกลางจำเป็นต้องคำนึงถึงเสียงของประชาชนมากขึ้น ขณะนี้พวกเขากำลังทำให้เศรษฐกิจมีปัญหามากขึ้น” เสียงวิจารณ์จากเขานั้นสะท้อนถึงความรู้สึกของหลายคนในสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายของการกู้ยืมมีแนวโน้มสูงขึ้น

จากโปแลนด์ไปยังออสเตรเลีย ปัญหาอัตราดอกเบี้ยได้สร้างความกังวลไม่เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปทั่วโลก เมื่อหลายประเทศได้ใช้วิธีการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น การลดอัตราดอกเบี้ยจึงถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน

ปัญหานั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ ขณะที่หลายฝ่ายต่างกำลังเพิ่มความกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ พิจารณาแนวทางใหม่ในการจัดการกับเศรษฐกิจ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อยกระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นการลงทุนในประเทศ อาจเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่อาจช่วยลดปัญหาสังคมและการทำงานที่เกิดขึ้นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

ในปัจจุบันนี้ ประชาชนกำลังให้ความสำคัญกับคำแนะนำที่มาจากตัวแทนทางการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ เกี่ยวกับการจัดการกับอัตราดอกเบี้ยและการเกาะติดความเคลื่อนไหวของธนาคารกลาง ด้วยการเสนอแนวทางที่สามารถสร้างการเข้าถึงเงินทุนที่ถูกกว่า ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

ทรัมป์และแมสซี่ ผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายนี้อย่างชัดเจน หวังว่าธนาคารกลางจะพิจารณาความจำเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ย และหาทางสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความสมดุลที่เหมาะสมในการสร้างแรงกระตุ้นแก่เศรษฐกิจประเทศในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้