Altcoins
Crypto Theft Crisis: Over $2.1 Billion Stolen in H1 2025 as North Korean Groups Account for 70% of Losses
การโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เปิดเผยตัวเลขน่าตกใจ โดยมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยเกินกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการโจมตีไม่น้อยกว่า 75 ครั้ง ซึ่งใกล้เคียงกับยอดรวมระหว่างปี 2024 และยังสูงกว่าสถิติที่เคยตั้งไว้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือมีบทบาทสำคัญ โดยรับผิดชอบต่อการสูญเสียถึง 70.5% จากยอดรวมทั้งหมด
ตามรายงานของ TRM Labs ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานด้านความปลอดภัยในโลกดิจิทัล ระบุว่าการโจมตีสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความทวีความรุนแรงในการโจมตีด้วยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับชาติ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่สนับสนุนโดยรัฐ พบว่ามีการแยกระหว่างโจรกรรมกับกลยุทธ์ที่มุ่งหวังการสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของคู่แข่ง โดยเฉพาะในแง่ของการลักลอบขโมยสกุลเงินดิจิทัลที่มักใช้ในการสนับสนุนโปรแกรมที่เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ
การพัฒนาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นปัญหาในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่ยังเปิดแง่มุมที่น่ากังวลเกี่ยวกับแนวโน้มในโลกการเงินดิจิทัล โดยหลายประเทศเริ่มตระหนักถึงการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากไซเบอร์ ประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และพันธมิตรในภูมิภาคยุโรปกำลังเปิดตัวมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ ทั้งนี้รวมถึงการขยายขีดความสามารถในการเฝ้าระวังและการตอบสนองต่อการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ในขณะที่หันไปให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยระบบการเงิน สถาบันการเงินและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ได้เริ่มพัฒนากลไกออกแบบใหม่ในการระบุและป้องกันการโจมตี ตั้งแต่ระบบการตรวจสอบความปลอดภัยไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยในการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เกิดอาชีพใหม่ในวงการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่มีความรู้ด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเข้าใจในสกุลเงินดิจิทัลกำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาดแรงงาน เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ พยายามสร้างทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อต่อสู้กับการโจมตีเหล่านี้
ขณะที่ความเสี่ยงจากการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลยังคงเพิ่มสูงขึ้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า หลายบริษัทและบุคคลก็ยังคงสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ ความรู้และความระมัดระวังในการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการโจมตีที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความเสียหายที่มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ต่อราย แต่ยังคงมีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีการวางแผนและกลยุทธ์ที่เหมาะสม
เพื่อที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตไซเบอร์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลทั่วโลกจึงควรสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ เปิดเผยข้อมูลและภัยคุกคามเกี่ยวกับการโจมตีเพื่อให้อุตสาหกรรมและภูมิชุมชนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลและความรู้ที่จะช่วยปรับปรุงมาตรการการป้องกันและการตอบโต้ เอื้อต่อการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต
ขณะนี้สัญญาณจากสถาบันการเงินและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่าพวกเขาเริ่มมีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้การสนับสนุนจากรัฐและการลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการโจรกรรมในโลกสกุลเงินดิจิทัลที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน