ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในละตินอเมริกาได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเอลซัลวาดอร์ที่ได้ทำการปรับเปลี่ยนแนวนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในเงินดิจิตอลในประเทศ และยังมีเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เริ่มจากเอลซัลวาดอร์ ประเทศที่สร้างความสนใจจากทั่วโลกด้วยการเข้าร่วมเป็นประเทศแรกที่นำบิตคอยน์มาใช้เป็นเงินกระดาษอย่างถูกกฎหมาย ได้ประกาศถอนการยอมรับบิตคอยน์เป็นเงินตราอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันจาก IMF ที่ต้องการให้เอลซัลวาดอร์ลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศประสบกับปัญหาหนี้และสถานการณ์ทางการเงินที่ล่อแหลม หลังจากการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจดิจิตอลนี้เป็นเวลาสามปี ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากการตัดสินใจนี้ยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ที่จะติดตามในอนาคต ในขณะเดียวกัน Coinbase ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตเคอเรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศการเปิดตัวในอาร์เจนตินา การเข้าสู่ตลาดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Coinbase เนื่องจากอาร์เจนตินามีโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ด้วยความต้องการสินทรัพย์ดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นในประเทศ แม้ว่าจะมีความท้าทายจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง...
สงครามการค้าได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีใหม่กับแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างยิ่ง ประเทศแคนาดาได้เริ่มตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ นอกจากนี้ เม็กซิโกก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยมีการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน ขณะที่จีนได้เตือนถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของสหรัฐฯ นี้ การตัดสินใจของสหรัฐอเมริกานี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ภาษีที่ถูกเรียกเก็บในครั้งนี้มีตั้งแต่ 15% ถึง 25% ซึ่งจะกระทบต่อสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เกษตรไปจนถึงสินค้าคอมนานาชนิด ผลกระทบในครั้งนี้อาจจะไม่ได้จำกัดเพียงแค่ประเทศที่ถูกเก็บภาษี แต่ยังมีผลสะท้อนต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย แคนาดาได้ประเมินว่าภาษีที่ตอบโต้ที่พวกเขากำหนดจะอยู่ที่ประมาณ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมไปถึงสินค้าหลายรายการที่ถูกส่งออกไปยังสหรัฐ อาทิเช่น ผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์...
ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่าในเดือนมกราคมปีนี้ ตลาดสเตเบิลคอยน์ได้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ต้นเดือนส่งสัญญาณถึงความคึกคักใหม่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การเติบโตนี้นับเป็นการฟื้นตัวที่น่าชมเชยซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังเผชิญกับความผันผวน หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดนี้เติบโตคือสเตเบิลคอยน์ที่มีการเชื่อมโยงมูลค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USDS) ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยมีการเพิ่มขึ้นถึง 116% ในช่วงเวลาเดียวกัน สเตเบิลคอยน์นี้ได้ทำหน้าที่เป็นตัวเลือกที่มีเสถียรภาพสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล รายงานระบุว่าในหลายเดือนที่ผ่านมา การจัดการทางการเงินและการใช้งานของคริปโตเคอเรนซีที่สูงขึ้นทำให้ผู้คนหันมาใช้สเตเบิลคอยน์มากขึ้น อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาษีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ลงทุนหันเหไปใช้สเตเบิลคอยน์ในฐานะแหล่งที่ปลอดภัยในการรักษามูลค่า นอกจาก USDS แล้ว มีสเตเบิลคอยน์ตัวอื่น ๆ ที่มีส่วนสร้างการเติบโตอย่างมากในตลาด เช่น...
โดยหลายปีที่ผ่านมา เหรียญดิจิทัลต่างๆ ไม่สามารถเข้าไปมีบทบาทสำคัญในวงการการเมืองของสหรัฐอเมริกาได้ แต่การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่สองได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก เพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้เปิดตัวเหรียญมีมที่มีชื่อเสียงของเขา ซึ่งยืนยันให้เห็นว่าเหรียญดิจิทัลมีความสำคัญทางการเมืองและด้านการเงินอย่างยิ่งสำหรับประธานาธิบดีของสหรัฐในปัจจุบัน ปรากฏการณ์นี้ได้สร้างเสียงฮือฮาในแวดวงการลงทุนและวงการการเมือง เมื่อทรัมป์เลือกที่จะลงสนามในโลกคริปโตเคอเรนซี การเปิดตัวเหรียญมีมที่มาพร้อมกับตราสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขานั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างความตื่นเต้นในตลาดทุกอย่างนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้สนับสนุนและนักลงทุนทั่วไป แต่ยังเปิดโอกาสให้เหรียญคริปโตมีเสียงกล่าวขวัญในแวดวงการเมืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การเชื่อมโยงระหว่างการเมืองและสกุลเงินดิจิทัลนี้ได้สร้างความแพร่หลายไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากกลุ่มคนที่มีอำนาจในหลายวงการหรือผู้ชื่นชอบการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล หลายคนที่เป็นผู้เสียงส่วนมากในพรรครีพับลิกันแสดงจุดยืนสนับสนุนการใช้สกุลเงินดิจิทัล และมองว่ามันสามารถเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในอนาคต ประเด็นที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ความสามารถของทรัมป์ในการดึงดูดกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีพลังในโลกดิจิทัล ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความนิยมของเขาในวงการการเมือง แต่ยังทำให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายตลาดสกุลเงินดิจิทัลให้เติบโตยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนหลายรายเริ่มเข้าใจว่าการสนับสนุนคริปโตไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่ยังสามารถเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความได้เปรียบทางการเมืองในอนาคตได้...
Thị trường tiền điện tử hiện đang chứng kiến một sự sụt giảm giá đáng chú ý, đặc biệt là đối với bitcoin (btc), XRP và...
Cardano (ADA), a leading cryptocurrency known for its proof-of-stake consensus mechanism, has entered a phase of consolidation over recent weeks. Analysts are expressing optimism about the...
Hedera Hashgraph (HBAR) สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการมีอิทธิพลต่อโลกอย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่เริ่มต้น เหรียญนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากมาย เนื่องจากกลยุทธ์ทางการเงินที่สร้างสรรค์สามารถเปลี่ยนแปลงระบบการเงินตามเดิมได้อย่างเห็นได้ชัด การคาดการณ์ว่า HBAR จะปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีความสำคัญไม่น้อย นักเทรดต้องเข้าใจแนวโน้มและกราฟก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเงินของตัวเอง ตามข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค HBAR คาดว่าจะมีพฤติกรรมการซื้อขายที่น่าสนใจในปีต่อๆ ไป โดยเฉพาะในปี 2025 ที่การคาดการณ์ในแต่ละเดือนจะมีความหมายสำคัญนัก นักลงทุนควรให้ความสำคัญในด้านแนวโน้มตลาดและวิเคราะห์ราคาอย่างรอบคอบ ปัจจุบัน HBAR มีราคาอยู่ที่ประมาณ $0.29967438 ขณะที่แรงซื้อขายในตลาดอยู่ที่ราวๆ $37.16...
Circle’s cryptocurrency, the USDC stablecoin, is witnessing a notable expansion in its market presence, particularly on the solana blockchain, which has seen substantial minting activity this...
Báo cáo tình hình tiền điện tử năm 2024 của Gemini đã chỉ ra những yếu tố quan trọng ảnh hưởng đến mức độ chấp nhận...
สภาคองเกรสของเอลซัลวาดอร์ได้มีการผ่านกฎหมายปฏิรูปที่แก้ไข “กฎหมายบิตคอยน์” โดยมีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปีที่แล้ว การปรับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การแก้ไขนี้ทำให้สถานะของบิตคอยน์ในฐานะสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายถูกถอดออก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ยืนยันว่าการใช้บิตคอยน์จะไม่ได้เป็นข้อบังคับอีกต่อไป แต่จะเป็นการเลือกใช้ตามความสมัครใจของประชาชน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในประเทศ ประธานาธิบดีนาอิบ บูเคเล่ ซึ่งเป็นผู้นำที่ผลักดันการนำบิตคอยน์มาใช้เป็นสกุลเงินในประเทศ ได้เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และพลเมืองเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้บิตคอยน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความผันผวนของมูลค่าและความไม่แน่นอนของตลาด cryptocurrency หลังจากการนำระบบนี้เข้ามาใช้ ประเทศเผชิญกับปัญหาทางการเงินหลายประการ รวมถึงการลดลงของทุนนิยมและการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง การตัดสินใจนี้จึงเป็นการคืนสู่ความรับผิดชอบที่มีต่อเศรษฐกิจรวมถึงความเป็นอยู่ของประชาชน แผนการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้สอดคล้องกับการเจรจาร่วมกับ IMF ที่มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากองค์กรระดับนานาชาติในการจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะและเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่...