ส.ว. ซินเธีย ลัมมิส ประกาศรับมือปี 2025 ด้วยการสร้างสำรอง Bitcoin รอบใหม่และกฎหมายสนับสนุนคริปโตครอบคลุม

ในขณะที่วงการเงินดิจิตัลกำลังมาแรงในทุกมุมโลก สหรัฐอเมริกาก็ไม่ยอมตกเทรนด์ ล่าสุด ส.ว. ซินเธีย ลัมมิส จากรัฐไวโอมิง (พรรครีพับลิกัน) ได้ออกมากล่าวถึงความสำคัญและความพร้อมของปี 2025 ที่จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่สำหรับคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้มีการสร้างเก็บสำรองบิทคอยน์อย่างเป็นระบบและการนำเสนอกฎหมายที่เอื้อต่อการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิตัลทั่วทั้งประเทศสหรัฐฯ

ตามที่ ส.ว. ลัมมิส ได้กล่าวผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X หลังจากการประกาศนโยบายแล้ว ก็ได้มีการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้เล่นในตลาดคริปโตและนักลงทุนทั่วไป การเสนอแนะให้มีการจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ถือเป็นท่าทีที่ทะเยอทะยานและบ่งบอกถึงแนวคิดที่จะยกระดับสถานะบิทคอยน์ในประเทศสู่ระดับสูงขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะสินทรัพย์ แต่เป็นทรัพย์สินยุติธรรมในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

กฎหมายที่เสนอได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการรวมคริปโตเคอเรนซีเข้าด้วยกันในทุกมิติสำคัญ โดยเน้นไปที่การปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของแพลตฟอร์มการเงินและการซื้อขายดิจิทัล มาตรการเหล่านี้จะรวมถึงการจัดหาเครื่องมือและระบบการปฏิบัติงานด้านกฎหมายที่มั่นคง เพื่อสร้างความมั่นใจในสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ทันสมัยและปลอดภัย

นอกจากนี้ การสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีบล็อคเชนและคริปโตเคอเรนซียังคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและเอกชนอย่างเต็มที่ โดยการส่งเสริมให้ภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่เข้าร่วมโครงการการเงินดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้การนำไปใช้งานมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น

ด้วยหลักการที่ว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับการพัฒนาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง” ส.ว. ลัมมิสและผู้สนับสนุนของเธอมองเห็นโอกาสสำคัญในการใช้เทคโนโลยีทางการเงินแบบใหม่เพื่อส่งเสริมการก้าวหน้าโดยรวมของสังคม และคาดหวังว่ากฎหมายเหล่านี้จะช่วยให้สหรัฐฯ คงเส้นคงวาในฐานะผู้นำทางด้านการเงินดิจิทัลในโลก

การพัฒนาที่ก้าวล้ำนี้ยังคาดว่าจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ในด้านเทคโนโลยีและการเงินจำนวนมาก ทำให้สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการเงินของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมด้วย

โดยรวมแล้ว ปี 2025 จะเป็นหน้าต่างที่สำคัญสำหรับอนาคตของคริปโตเคอเรนซีในสหรัฐอเมริกา ส.ว. ลัมมิส และผู้ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปที่จะนำพาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ของการเงิน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่านี่เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงและเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการลงทุน การเก็บรักษาความปลอดภัย หรือการกำกับดูแลที่ดีขึ้น.