วิสัยทัศน์ของ Mariana Krym: AI จะกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักรู้ด้านอารมณ์ในอนาคต

มาเรียนา ไคริม ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Vyvo มีแนวคิดเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่ที่ว่า AI จะไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ทำงานที่ซ้ำซาก แต่ยังสามารถพัฒนาไปเป็น “กระจกสะท้อนทางอารมณ์” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจและเข้าใจอารมณ์ของตนเองได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ตามที่ไคริมได้กล่าว การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของปัญญาประดิษฐ์นั้นควรให้ความสำคัญกับการรับรู้สัญญาณอารมณ์ที่ซับซ้อนในระดับส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น เธอมองว่าการเข้าใจอารมณ์ของตนเองนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่เราเผชิญกับความเครียดและความกดดันทางจิตใจในชีวิตประจำวัน การมีเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เรารับรู้และประเมินอารมณ์จะช่วยในการตัดสินใจต่างๆ ที่มีความสำคัญได้ดียิ่งขึ้น

แนวคิดของอุปกรณ์ที่สามารถนำ AI มาใช้ในด้านการสร้างความตระหนักรู้ในตนเองนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การพัฒนาให้มีความแม่นยำ และสามารถเข้าใจอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนนั้นยังคงเป็นความท้าทายสำหรับนักวิจัยและนักพัฒนา ซอฟต์แวร์ AI ควรจะได้รับการฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลที่หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อแหล่งข้อมูลอารมณ์และพฤติกรรมมนุษย์ที่แตกต่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้าง AI ที่เป็น “กระจกสะท้อนทางอารมณ์” ไม่เพียงแต่น่าตื่นเต้นในแง่แนวความคิดเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อสังคม ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้ AI ประเภทนี้อาจช่วยลดความเครียดในที่ทำงาน สนับสนุนการเรียนรู้ แนะแนวในการบริหารจัดการความรู้สึก หรือแม้กระทั่งช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ในครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อารมณ์ส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร

ในบริบทนี้ มาเรียนาเสนอให้เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าใจตนเองและบรรลุผลในด้านจิตวิทยา ความตระหนักรู้ในตนเองที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคคล เพราะมันช่วยให้เราตระหนักรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของเรา รวมถึงนำไปสู่การเติบโตในหลายด้านของชีวิต

ทั้งนี้ การพัฒนา AI ให้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างการรักษาหรือการบำบัดทางจิตก็มีความเป็นไปได้สูง จะเกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นหากมีการสร้างโปรแกรมที่มีหลักจิตวิทยา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับความเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือปัญหาทางอารมณ์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่ AI จะช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์และบรรเทาความเครียดได้ ถือเป็นการก้าวใกล้เข้าสู่อนาคตที่สามารถสนับสนุนและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของเรา หากผู้พัฒนาสามารถทำให้ AI เหล่านี้เป็นที่เข้าใจได้ในระดับส่วนบุคคลมากขึ้น จะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตนเองได้ นอกจากนี้ เส้นแบ่งระหว่างมนุษย์และ AI ในการเข้าใจความรู้สึกก็จะเริ่มเบลอ จากความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีกับจิตใจ

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน การประยุกต์ใช้ AI ในการพัฒนาการดูแลด้านสุขภาพจิตและการสร้างความตระหนักรู้ในตนเองนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง คำถามสำคัญคือเราจะสามารถควบคุมการพัฒนาเหล่านี้ให้เป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ได้อย่างไร และการพัฒนาเหล่านี้จะสามารถเกิดขึ้นในลักษณะที่รับผิดชอบต่อจิตวิทยาของมนุษย์ได้เพียงไหน

ในมุมมองของไคริม ความสามารถในการพัฒนา AI ให้เป็นเครื่องมือที่มีส่วนช่วยในการสร้างความตระหนักรู้ในตนเอง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน มากกว่าการเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ทำงานเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมต่างๆ โดยการสร้างสรรค์แนวทางการคิดใหม่ๆ แบบนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของทั้งมนุษย์และเทคโนโลยีที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน