นักวิเคราะห์ Goldman Sachs เตือนราคาน้ำมันอาจแตะ $150 ขณะที่อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มรุนแรงขึ้น จากเหตุการณ์โจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นกับอิหร่าน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า อิหร่านอาจจะปิดกั้นการไหลของน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ อันเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สำหรับการขนส่งพลังงาน ขณะนี้นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ได้ระบุว่ามีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง $150 ต่อบาร์เรล

การพัฒนาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตลาดน้ำมันทั่วโลกต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ช่องแคบฮอร์มุซมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขนส่งน้ำมันทั่วโลก โดยประมาณ 20% ของน้ำมันดิบที่ใช้ในโลกไหลผ่านเส้นทางนี้ทุกวัน ในภาวะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบก็เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาที่คาดการณ์อาจจะอยู่ที่ราว $19150 ต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการปิดกั้นช่องแคบนั้นไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อตลาดน้ำมัน แต่จะขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอาจทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้เกิดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ

อิหร่านได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการปกป้องผลประโยชน์ของตนในภูมิภาค โดยมีการข่มขู่ว่าอาจทำการปิดช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อคัดค้านการกระทำของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้หลายประเทศต้องพิจารณายุทธศาสตร์พลังงานใหม่ และส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียซึ่งพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะแรงกดดันในตลาดน้ำมันไม่น่าจะหายไปในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป นักลงทุนและตลาดการเงินจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนในตลาดน้ำมัน ราคาอาจจะต่อสู้กันอยู่ที่ระดับสูง และการปรับขึ้นของราคาอาจไม่ใช่แค่การอภิปรายทฤษฎี

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลทั่วโลกต้องเร่งหาช่องทางสำรองพลังงานและสร้างความหลากหลายด้านแหล่งพลังงานเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากภูมิภาคที่มีความตึงเครียด เพื่อให้สามารถรับมือกับดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลายอย่างในอนาคต

อนาคตของตลาดน้ำมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายด้านพลังงานของประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานในระดับโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดดันมากขึ้นในตลาดน้ำมัน ต่อไปนี้ การเฝ้าระวังสถานการณ์จะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเกินไปต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว.