Solana

ข่าว Controversy ใหม่ของ Solana: Elisa Rossi ฟ้อง Stephen Akridge เรื่องการขโมยรางวัล Staking

Published

on

เอลิซ่า รอสซีเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในวงการคริปโต โดยเฉพาะในข่าวล่าสุดเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับโครงการซอลานา (solana) และผู้ร่วมก่อตั้ง สตีเฟ่น แอคริดจ์ (Stephen Akridge) ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาในสังคมการเงินดิจิทัลในช่วงเวลานี้ ติดต่อกัน เพราะข้อกล่าวหาที่ว่าเขาขโมยรางวัลการถือครองเหรียญ สร้างปัญหาทางกฎหมายมากมายถึงทั้งคู่

เอลิซ่า รอสซี เคยเป็นภรรยาของ สตีเฟ่น แอคริดจ์ เป็นเวลานานถึงสิบปี ก่อนที่จะมีการแยกทางในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 ความสัมพันธ์ที่ยาวนานนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณะ เนื่องจากทั้งสองคนมีชื่อเสียงและความสำเร็จในวงการคริปโต โดยเฉพาะกับบทบาทของ สตีเฟ่น ในโครงการซอลานา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งขณะนี้ราคาของ SOL อยู่ที่ประมาณ 186 ดอลลาร์ และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 90.1 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สตีเฟ่นได้ออกจาก Solana Labs ในเดือนมกราคมปี 2024 และก่อตั้งบริษัท Anza และดำรงตำแหน่ง CEO ของ Cyber Grant บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์

หลังจากการหย่าร้างทั้งคู่ก็กลับมาอยู่ในสภาพสังคมที่มีข่าว ซึ่งเอลิซ่าได้ฟ้องร้อง สตีเฟ่น เกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมาย เธออ้างว่าการหย่าร้างนั้นเกิดขึ้นอย่างยืดเยื้อและมีความเจ็บปวด แม้ว่าเธอจะถูกแจกจ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลประมาณหนึ่งในสามจากสามกระเป๋าเงินคริปโตที่รวมอยู่ในข้อตกลงการหย่าร้าง แต่เธอจำเป็นต้องยื่นฟ้องในศาลซานฟรานซิสโก เนื่องจากเธอตระหนักว่าสตีเฟ่นขโมยค่าคอมมิชชั่นการถือครองเหรียญจากส่วนของเธอไป

ตามรายงานจาก Bloomberg ระบุว่า รอสซี่ ฟ้องร้องสตีเฟ่น ในข้อกล่าวหาที่ว่าเขาใช้ความรู้เกี่ยวกับคริปโตเพื่อขโมยเงินหลายล้านดอลลาร์จากรางวัล staking ของเธอ ในช่วงระยะเวลาห้าสัปดาห์ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ขณะที่สตีเฟ่นยังควบคุมบัญชีคริปโตของเธอ เขาได้เซ็นต์คำสั่งเพื่อโอนเหรียญ SOL ไปยังการควบคุมของเขา ซึ่งส่งผลให้เธอสูญเสียค่าคอมมิชชั่นการถือครองเหรียญเป็นจำนวนมาก รอสซี่ได้พบกับสถานการณ์นี้สองเดือนหลังจากการหย่าร้าง และเธอพยายามติดต่อเขามากกว่าครั้งสิบ แต่กลับพบเพียงการหัวเราะเยาะจากสตีเฟ่น ที่กล่าวว่า “โชคดีนะในการเอาค่าคอมมิชชั่นนั้นคืน”

ข้อกล่าวหาที่ว่าสตีเฟ่นไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการหย่าร้างและการฉ้อโกงนี้ ได้สร้างความสำคัญในวงการคริปโต เนื่องจากทำให้สะท้อนถึงความจำเป็นในการเข้าใจเกี่ยวกับการกระจายสินทรัพย์คริปโตในคู่สมรส ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆ คู่อาจไม่ทราบ ผลกระทบจากสถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อชีวิตส่วนตัวของทั้งสองคน แต่ยังเรียกร้องให้ผู้คนตระหนักถึงความเสี่ยงและปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในคริปโต

แม้คดีดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากกลุ่มบุคคลที่ชื่นชอบคริปโต สตีเฟ่น และเอลิซ่ามองว่าการต่อสู้ทางกฎหมายนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล และไม่น่าจะกระทบต่อการดำเนินการของโครงการซอลานา ซึ่งยังถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในระบบนิเวศคริปโต อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้มีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีการใช้และรู้จักคริปโต ซึ่งให้เรียนรู้ว่าเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจดิจิทัลนั้นจำเป็นต้องมีความรู้และความรอบคอบ โดยเฉพาะในบรรยากาศที่มีการขโมยคริปโตและการหลอกลวงเกิดขึ้นทั่วทั้งวงการ

สรุปแล้ว คดีความระหว่างเอลิซ่าและสตีเฟ่น ทำให้เห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสียวเกี่ยวกับการจัดการและการกระจายของสินทรัพย์คริปโตในบริบทของครอบครัว ซึ่งหลายคนยังคงมีความเข้าใจที่จำกัดเกี่ยวกับ การลงทุนในคริปโต โดยเฉพาะในจุดที่เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับคู่สมรสที่อาจเกิดการขัดแย้งกันเองในอนาคต การศึกษาและรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคริปโตอาจจะมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Trending

Exit mobile version